[OS]Stay High
ABOUT FICTION
▲
TYPE : [OS] ONE SHOT FICTION
GENRE : RATE 20+ (?)
INSPIRATION : THANKS FOR HABITS - TOVE LO :D
ปล่อย เวลา ให้ลบเลือน
ดื่ม เพื่อ เมา..ลืมภาพคุณไปจากหัวใจ
กักขัง ชีวิต ในกลุ่มควันที่ลอยคละคลุ้ง
เพื่อให้ลืมคุณที่รัก..I fall back down
มอมเมา เพื่อลืม ว่าคิดถึงคุณ
stay high 'Park Chanyeol'
เส้นพาสต้า อัล เดนเต้ ลอยขึ้นอืด...
อ่างอาบน้ำสีขาวเต็มไปด้วยน้ำสต็อกไก่ ไขของเพ็คโคลีโน่ ชีส ข้างๆขวดแชมพูอาบน้ำถูกวางเบียดด้วยขวดวิปปิ้งครีมค้างปี กลิ่นส้มอ่อนๆลอยออกมาจากปากขวดน้ำมันหอมระเหยอโรม่าที่หลงเหลือเพียงครึ่ง จากบางส่วน ที่เทหกลงไปผสมกับน้ำในอ่างก่อนหน้า กลิ่นเทียนหอมที่วางประดับเพื่อส่องแสงสลัวสร้างบรรยากาศ มันเกือบจะหอมหวนชวนให้คนหัวใจสลายผ่อนคลาย ทว่าจู่ๆปลายจมูกรั้นก็เริ่มฉุน
ยามที่กลิ่นคาวจากเนยจืดบนซากจานข้างๆลอยขึ้นมาเตะจมูก...
“ฮึก...”
เสียงผะอืดผะอมยอกย้อนออกมา คลื่นไส้ จนเจ้าตัวจวนจะอาเจียน ร่างเล็กรีบลุกพรวดขึ้นมาจากอ่างอาบน้ำหลังจากเผลอหลับไปหลายชั่วโมง วิ่งเขย่งปลายเท้าพาร่างกายเปลือยเปล่าเอื้อมคว้าผ้าเช็ดตัว
และชักโครก..
ก็คือจุดมุ่งหมายเดียวสำหรับคนที่อกหักดังเป๊าะ อย่างบยอนแบคฮยอน
อ้วกกกก..
อ่า..ให้ตายเถอะ พาสต้าที่อุตส่าห์แค่นกินเข้าไปออกมาหมดแล้ว
มือเล็กเอื้อมค้ำผนังเป็นระยะ พยุงขาเรียวที่อ่อนแปล้เปลี้ยออกมาจากห้องน้ำ เพราะสายรัดเอวของชุดคลุมอาบน้ำไม่ทันได้มัด มันจึงร่วงหลุดหลุ่ยลงมาบนพื้นอย่างเสียมิได้ เป็นผลให้ร่างบางที่ไร้อาภรณ์นั้นสั่นหงึกๆเป็นลูกนกเพราะอากาศหนาว และดูเหมือนว่ามันจะหนาวเกินไปจนเจ้าตัวเริ่มทนไม่ได้ จากที่ว่าจะแก้ผ้าแก้ผ่อนแล้วนอนตายอยู่บนเตียงแห้งๆคนเดียว ก็เป็นอันต้องผิดแผน
แบคฮยอนเลือกที่จะหยิบชุดเสื้อเชิ้ตเดปเปอร์สีดำที่เคยถูกแขวนลืมออกมาใส่ พร้อมกับกางเกงหนังขายาวสีเข้มรัดรูปพอดีตัว ใต้ตาที่ดำคล้ำกระทั่งร่องรอยบกพร่องของสภาพผิวหน้าที่ยับเยินจากการอดนอนหลายชั่วโมง ถูกกลบด้วยเครื่องสำอางจำพวกคอลซีลเลอร์หรือรองพื้น ก่อนที่เปลือกตาบางจะถูกแต่งแต้มด้วยอายไลเนอร์เบาๆ ตบท้ายด้วยน้ำหอมแบรนด์บายเรโดกลิ่นบล็องช์ที่ถูกแต้มลงไปบนเส้นชีพจรอย่างลวกๆ
ขนาดแรงเดินยังแทบจะไม่มี ทว่าแบคฮยอนกลับพาสารร่างของตัวเองมาจนถึงที่หมาย
เซ็กส์คลับ..
ตีหนึ่งสี่สิบห้า
สถานที่แรกที่คนตัวเล็กตัดสินใจโบกรถแท็กซี่ หลังจากที่คะยั้นคะยอบอกให้ตัวเองฝืนเคี้ยวเส้นพาสต้าลงกระเพาะที่ไม่ได้รับสารอาหารมาเป็นเวลาสองวัน..และ..เขาก็เพิ่งจะขย่อนเอามื้อเย็นที่นอนทานในอ่างอาบน้ำใส่ชักโครก ทิ้งกองซากอารยธรรมในคอนโดฯไว้เบื้องหลัง แล้วแบกกระเพาะว่างๆมาเติมแอลกอฮอล์ถึงแหล่ง
โอเค..เขาจะทำแบบนี้แค่คืนนี้ เป็นคืนสุดท้าย
คนตัวเล็กบอกกับตัวเองอย่างนั้น ก่อนจะสั่งเครื่องดื่มวอดก้ามานั่งกระดกเล่นๆราวกับว่ามันคือน้ำเปล่าเสียอย่างนั้น รู้ทั้งรู้ว่าความกระหายแห้งฝืดคอนั้นต้องใช้น้ำมะนาว..แต่แบคฮยอนคิดว่าการสั่งวิสกี้ต่ออีกแก้ว ก็ไม่เลวเหมือนกันสำหรับคนที่ดื่มเพื่อให้ลืม เช่นเขา
เครื่องดื่มหลากประเภทตีกันจนสายตาเริ่มพร่าเบลอ จากภาพที่ชัดเจนกลายเป็นภาพซ้อนๆราวกับดูหนังทรีดีแบบไม่สวมแว่น และการหรี่ตาสะบัดศีรษะแรงๆ ดูเหมือนจะเป็นเครื่องมือเดียวที่ใช้ย้ำเตือนระดับสติสัมปชัญญะ
ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะลดลงมาจนถึงขั้นวิกฤษ
สันจมูกซุกไซ้เข้าที่ซอกคอ มือปลาหมึกที่ยุ่มย่ามอยู่บนเนินเนื้อนุ่มนิ่ม บ้างก็สอดเข้าไปใต้กระโปรง เค้นคลึง ดูดดุน นั่งกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันราวกับว่าเก้าอี้คือโรงแรม ผนังร้านคือเตียง พนักงานเสริฟคือตากล้อง
นี่คนพวกนั้นไม่มียางอายกันบ้างหรือไง แบคฮยอนคิด ตาเรียวรีไล่มองตั้งแต่ส่วนในสุดของมุมร้าน รวมถึงเก้าอี้บาร์ข้างๆ ก็มีชายหญิงในชุดวาบหวามนั่งผสมพันธุ์กัน โดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
มือเล็กเอื้อมคว้าแก้ววิสกี้แก้วที่สามขึ้นดื่ม ก่อนจะชะงักเมื่อกล้ามเนื้อบริเวณกะบังลมเริ่มประท้วงด้วยอาการสะอึกสองสามครั้ง เขาจึงพอแค่นั้น ควักเงินเป็นแสนวอนเพื่อชดใช้ค่าน้ำเมา ก่อนจะเดินซวนเซหัวไหล่ไถผนัง เข้าไปตามตรอกคับแคบทางเข้าห้องน้ำชายที่เต็มไปด้วยกลุ่มควันสีขาวขุ่น
กลิ่นนิโคตินเผาไหม้ไม่เคยหอมขนาดนี้มาก่อน โดยเฉพาะกลิ่นเปปเปอร์มินต์ที่แบคฮยอนโปรดปรานจนต้องคีบมันออกมาจากกระเป๋าเสื้อเพื่อสูบอัดควันเข้าไปทักทายปอด
อืม..แต่เขาลืมเอาไฟแช็คมาล่ะ
“นี่ คุณ..”
“อืมมม อ่า...”
“มีไฟแช็คไหม ขอบ้างซี่”
เดินไปสะกิดแขนชายหญิงคู่หนึ่งใกล้ๆ ที่กำลังนัวเนียกันอย่างเมามัน แบคฮยอนยิ้มเล่อๆ ก่อนจะถอยหลังออกมา เมื่อเสียงของตนไม่ต่างอะไรกับเสียงของแมลงหวี่ ครั้นจะสะกิดอีกครั้งก็กลัวจะไปเป็นตัวมารขัดความสุข
และในที่สุด ร่างเล็กก็ตัดสินใจวิ่งออกทางประตูหลังร้าน เพื่อไปขย่อนของเสียที่เริ่มยอกย้อนขึ้นมาอีกครั้งออก ปล่อยให้มวนบุหรี่ในมือเป็นหม้ายไปสักพัก
“ฮึก! โอก..อ้วกกกกก!..แค่กๆ! ถุย!”
ปาดเศษน้ำย่อยผสมแอลกอฮอล์ออกจากริมฝีปาก ก่อนจะทรุดนั่งลงไปบนขั้นบันไดหนีไฟนอกอาคารอย่างหมดสภาพ
สนิมสีน้ำตาลแอบเขรอะนิดหน่อยบนขั้นที่สามของเจ้าบันไดเหล็ก แต่สำหรับคนที่สติเหลือไม่ถึงครึ่งย่อมสามารถนั่งได้อย่างเต็มก้นอย่างไม่รังเกียจ
แบคฮยอนคิดว่า สภาพตอนนี้เขาน่ะ ดูน่ารังเกียจยิ่งกว่าบันไดเหล็กขึ้นสนิมเสียอีก
และ หนาว...คือสิ่งที่ร่างเล็กสัมผัสได้ จากลมหายใจที่คั้นเอาคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาพร้อมกับกลุ่มควันจากไอเย็น ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับคนที่ใส่เสื้อผ้าบางท่ามกลางอุณหภูมิเกือบติดลบ และดูเหมือนว่า ตรอก คับแคบหลังคลับจะเงียบเหงาเพิ่มเอาอัตราความหนาว เข้ามาอีกเท่าทวี
ตีสองสามสิบห้า..
'กลับเข้ามาแบคฮยอน นายจะเป็นหวัด'
เสียงหนึ่งในความทรงจำลอยแทรกเข้ามาในส่วนกลางของโสตสมอง แบคฮยอนเหยียดยิ้ม สบถขำ 'หึ' ให้กับความไม่รักดีของมัน ทว่าแล้วยังไง..ก็เขาอยากจะนั่งสูบบุหรี่ท้าลมหนาวอยู่ตรงนี้
“นายมันไม่มีสิทธิ์”
ริมฝีปากบางที่เคยถูกเคลือบด้วยลิปกลอสซึ่งตอนนี้มันซีดเผือดบ่นพึมพำให้กับคนในความคิด พลางยกมวนบุหรี่ที่ไม่ได้จุดไฟขึ้นสูบ หัวใจดวงน้อยๆกำลังเบลอเข้าขั้นหนัก
ขนาดเขาเมาจนโงหัวไม่ขึ้น ยังได้ยินเสียงใครอีกคนเลยคิดดู แล้วทฤษฎีที่ว่าเมาเพื่อลืมของเคเคมันจะใช้ได้ผลแค่ไหนกันเชียว บางทีคำพูดจากปากคนที่ติดยาอย่างเจ้าหมอนั่นอาจจะใสยิ่งกว่าน้ำกลั่นเสียอีก
ทั้งสองคนนั้น ทำแบคฮยอนเจ็บแสบเหมือนกันหมด
เคร้ง!
เสียงของแข็งบางอย่างตกกระทบกับขั้นบันไดเหล็กด้านบนจนคนที่นั่งกอดเสาราวจับอยู่จำต้องหันขึ้นไปมอง แบคฮยอนหรี่ตาด้วยความสงสัย ก่อนจะหยัดตัวคลานขึ้นบันไดในท่าคล้ายสุนัข ทั้งมือทั้งขามันสั่นแปล้เปลี้ยเสียจนกลัวจะพัดตกลงจากบันได
หกขั้น ก่อนจะหยุดลงบนชานพักที่มีไอน้ำค้างเกาะจางๆ ถึงจะเปียกแฉะ แต่ภาพของไฟแช็คซิปโป้ตรงหน้ามันทำให้คนที่กำลังเสี้ยนบุหรี่อยู่เป็นทุนเดิมเหมือนเห็นสรวงสรรค์
มือเล็กรีบคว้ามันขึ้นมาจุดเข้าที่ปลายมวนกระดาษที่เกือบจะเป็นหม้ายทันควันเพราะความกระสันอยาก ริมฝีปากบางสั่นระริกยามที่ได้ลิ้มรสกลิ่นเปปเปอร์มินต์ครั้งแรกในรอบครึ่งชั่วโมง แก้มที่ตอบอยู่แล้วกลับซูบตอบลงไปอีกยามที่คนตัวเล็กสูดอัดควันเผาไหม้นั่นลงจนเต็มปอด
และควันสีขาวก็ถูกพ่นออกมาจากริมฝีปากสีซีด ผสานเข้ากับไอหนาวที่รายล้อม
“นายมันไม่มีสิทธิ์ ชานยอล..”
*
ทวิงกี้ส์เค้ก..คือสิ่งเดียวที่แบคฮยอนซื้อติดมือมาก่อนจะกลับมาตายรังที่คอนโด
ความจริงจะเรียกว่าซื้อก็คงจะไม่ถูกนัก เพราะกว่าจะได้มันมาเขาต้องลงทุนยืนเคาะประตูหน้าร้านอยู่ตั้งครึ่งชั่วโมงกว่าๆ ก่อนจะมัดมือชกเจ้าของร้านที่เปิดประตูออกมาเพื่อที่จะต่อว่าเขา ทว่าไม่นาน เจ้าเค้กทวิงกี้ก็ตกเป็นของเขาเพราะเจ้าของร้านยอมขายให้อย่างตัดความรำคาญ
ตัดความรำคาญเสียเมื่อไหร่? ก็มัดมือชกที่ว่า คือแบคฮยอนขู่ว่าจะชกหน้าแม่ค้าคนนั้นไปจริงๆ ถ้าไม่ทำอย่างนั้นเค้กคำโตจะอยู่ในปากเขาตอนนี้เหรอ?
ตีสามยี่สิบเอ็ด...
เสียงรายการโทรทัศน์จากหน้าจอสี่เหลี่ยมดังลั่นทั่วห้องนั่งเล่นที่มืดสลัว มีเพียงแสงไฟวาววาบกับโคมไฟติดผนังสีส้มในครัวเท่านั้นที่ส่องสว่าง เจ้าของร่างเล็กยังคงนั่งขำค้างจนเศษขนมปังร่วงออกจากปาก ให้กับรายการดังอย่างไล่ล่าท้าผี...ที่ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็ไม่มีอะไรให้น่าขำ ทว่าเพราะฤทธิ์ของสิ่งที่เรียกว่าสารเสพติดในมือของเจ้าตัวนั่นแหล่ะ ที่ทำให้แบคฮยอนจมอยู่ในอาการเมาค้างอยู่แบบนั้น
เสียงอ็อดดังลั่นไปทั่วทั้งห้อง แบคฮยอนหยุดชะงักการกระทำทุกอย่าง ก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับแขกผู้มาเยือนในยามวิกาล ร่างเล็กวางโหลแก้วรูปทรงกระบอกลงกับโต๊ะก่อนจะหยัดตัวเดินซวนเซไปที่ประตู หลังจากเพ่งมองนาฬิกาบนผนังแล้วพบว่าเจ้าเข็มชี้เวลามันมีหลายเข็มซ้อนกันมากเกินไป จนคาดเดาไม่ได้ว่าตอนนี้มันกี่โมงกี่ยามแล้ว
มึนหัว..คือความรู้สึกเดียวที่เด่นชัดที่สุดในตอนนี้ และดูเหมือนว่าจะมีมากกว่าความรู้สึกสงสัยว่าคนตรงหน้าของเขามาปรากฏตัวอยู่นี้ได้อย่างไร
ก็ใช่สิ...ในเมื่อคนๆนี้บอกกับเขาว่าจะไม่มาเหยียบที่นี่แล้วไม่ใช่เหรอ?
ริมฝีปากบางแย้มยิ้ม ทว่าใบหน้าหวานที่สูบผอมกลับเรียบตึงอย่างคนฟอร์มจัด
“นายมาทำไม? แบคฮยอนไม่อยู่”
ชายหนุ่มร่างสูงสง่าใต้คราบเสื้อเชิ้ตสีดำปลดกระดุมลงสองเม็ดเพียงแค่ขมวดคิ้วน้อยๆ ยามที่จ้องมองไปยังริมฝีปากรูปกระจับที่เปื้อนคราบครีมและเศษขนมปัง จากสภาพของคนตัวเล็กเองที่ดูแย่ยิ่งกว่าซอมบี้ทำให้เขาเดาได้ไม่ยากเลยว่าเจ้าของห้องกำลังเมามากแค่ไหน
ยิ่งเมื่อเดินผ่านร่างเล็กๆนั่นเข้ามาอย่างถือวิสาสะแล้ว เขาก็ยิ่งมั่นใจเข้าไปอีก เมื่อภายในห้องนั่งเล่นเต็มไปด้วยกลุ่มควันสีขาวที่ลอยคละคลุ้ง พร้อมกับกลิ่นเหม็นบูดของอาหารที่ติดค้างอยู่ตามกล่องกระดาษสำเร็จรูป ซึ่งมันไม่พร่องไปเลยแม้แต่นิดเดียว ไหนจะกระป๋องเบียร์และขวดวิสกี้ที่เกลื่อนพื้นนั่นอีก
ผู้มาเยือนถอนหายใจเบาๆอย่างเอือมระอา ก่อนจะหันไปส่งสายตาคาดโทษให้คนตัวเล็กที่ยังคงยืนพิงประตูมองมาทางนี้ด้วยสีหน้าฉ่ำเยิ้มราวกับตกอยู่ในภวังค์
“เหลวไหลอีกแล้วนะ บยอนแบคฮยอน”
“ฮิ๊อึก! เปล่าซะหน่อย!” แบคฮยอนตะโกนลั่น ก่อนจะย่นคิ้วพยายามจะเดินตรงเข้ามาหาร่างสูงที่ยังคงยืนนิ่งอยู่หน้าเคาน์เตอร์บาร์หลังโซฟา คิ้วเรียวย่นยู่เข้าหากัน พอๆกับริมฝีปากบางที่กำลังบ่นพึมพำอย่างง้องอน “อย่ากล่าวหากันซี่ ฮิ๊อึก!”
“ผมจะทำอย่างไรกับคุณดี คุณกลับไปรับของจากเคเคมาเล่นอีกแล้วหรือ? รู้ใช่ไหมว่ามันไม่ดี แบคฮยอน ต้องให้ผมพูดอีกครั้งว่าอย่าไปยุ่งกั--”
“อ่าาา...ให้ตายซี่ เข้ามาในคอนโดคนอื่นแล้วก็มายืนบ่นเป็นตาแก่ไปได้” ร่างเล็กพูดแทรก เดินซวนเซเข้ามาหาใครอีกคน ก่อนจะหยุดยืนตรงหน้า ยกแขนบอบบางไร้เรี่ยวแรงขึ้นคล้องบ่าแกร่ง เงยหน้าพลางส่งยิ้มหวานให้คนตัวสูงกว่า
หรือถ้าจะเรียกให้ถูก...คนคุ้นเคย
“คุณว่าผมเป็นตาแก่เหรอ?”
“แล้วไม่ใช่หรือไง”
ปาร์คชานยอลขมวดคิ้ที่ถูกตราหน้าว่าเป็นผู้สูงอายุ เพราะเจ้าตัวดันมีอายุมากกว่าคนตัวเล็กถึง12 ปี ซึ่งถ้าเทียบกับคนที่อายุย่างสามสิบสองเหมือนกัน คิดว่าเขาคงดูไม่แก่เท่าคนพวกนั้นเท่าไหร่นัก เขาไม่ใช่คนหลงตัวเองแต่เพราะสาวๆที่ตามติดแจนั่นทำให้คิดแบบนั้น ชานยอลเข้าใจดีว่าเด็กคนนี้พยายามจะตีตนให้เสมอเขาและอยุ่เหนือคนอื่นๆ โดยการเรียกเขาว่า 'นาย' หรือแม้กระทั่งชื่อห้วนๆที่หลุดออกมาจากปากเจ้าตัวบ่อยๆจนเขาเริ่มที่จะชาชิน
“ชานยอล..ฮึก!..ตัวหอมจัง^^”
แต่เพราะเป็นบยอนแบคฮยอน ผู้เทรดหุ้นหลักปาร์คชอลกรุ๊ปเยี่ยงเขา จึงยอมอ่อนข้อให้ เพราะถ้าเป็นปกติ เขาจะไม่ยอมให้ใครมาเรียกชื่อเขาห้วนๆแบบนี้แน่
ชานยอลจ้องมองลุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนที่กำลังซบลงมาบนอกตน ก่อนที่แขนแกร่งจะรีบโอบเอวคอดนั่นเอาไว้เมื่อคนเมากำลังทำท่าจะทรุดยวบลงไปกองกับพื้น ซึ่งเขาจัดการอุ้มร่างใครอีกคนขึ้นมาในท่าเจ้าสาวอย่างทันท่วงที
“คุณชักจะเหมือนลูกหมาข้างถนนเข้าไปทุกวัน”
ริมฝีปากหยักราวสลักเสลาที่กำลังบ่นพึมพำแลดูน่าลงใหลเสมอยามที่แบคฮยอนจ้องมองมันในระยะใกล้ คนตัวเล็กซบหัวทุยเข้าที่อกแกร่งอีกครั้ง แล้วปล่อยให้ร่างของตนถูกอุ้มเข้าไปในห้องนอนอย่างไม่มีท่าทีปฏิเสธ ด้วยอ้อมแขนอุ่นๆของคนที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี
"ผมจะทำโทษความดื้อรั้นลูกหมาแบบคุณยังไงดี สภาพคุณดูไม่ได้เลย แบคฮยอน"
“เป็นลูกหมาแล้วยังไง นอนข้างถนนแล้วยังไง? มอมแมม สกปรก เนื้อตัวเปียกปอน แต่ก็มีคนเคยมาเอาถึงห้องแทบจะทุกวัน”
“เมาแล้วพูดไม่เพราะเลยนะ แบคฮยอน” ร่างเล็กที่ซูบผอมลงไปมากกว่าแต่ก่อนถูกวางลงบนผืนเตียงหนานุ่ม ชานยอลค่อยๆทิ้งตัวลงมานอนเท้าแขนค้ำศีรษะตัวเองลงข้างๆหมอนคนตัวเล็ก จ้องมองใบหน้าที่เขาหลงใหลในระยะใกล้
“พูดไม่เพราะแล้วชานยอลรักมั้ยล่ะ” เสียงหวานเอ่ยออดอ้อน คนที่กำลังตกอยู่ในอาการมอมเมาเพราะฤทธิ์เดชของสารกล่อมประสาทจำพวกกัญชากำลังจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาด้วยแววตาหยาดเยิ้ม แก้มตอบระเรื่อสีแดงอ่อนๆเพราะเลือดที่กำลังพุ่งพ่านอยู่ข้างใน ริมฝีปากซีดรูปกระจับขยับอีกครั้ง ทั้งที่ยังส่งสายตาวิงวอนไปหาใครอีกคนอย่างสื่อความหมาย “แล้วนาย..คิดถึงฉันหรือเปล่า”
เพราะแบคฮยอนคิดถึงชานยอลเหลือเกิน
คนตัวสูงไม่ตอบอะไร ชานยอลเพียงแค่ยิ้มอ่อนๆ ก่อนโน้มใบหน้าลงมาประกบจูบริมฝีปากสีซีดนั่นแทนคำตอบ แบคฮยอนหลับตาพริ้มจูบตอบใครอีกคนทั้งที่เจ้าตัวกำลังรู้สึกหนักอึ้งในหัวจนเจียนจะตาย ทว่ามันกลับเริ่มหนักขึ้นๆเรื่อยๆ เหมือนกับแรงกดจูบบดขยี้ ที่ชานยอลมอบมันให้เขาอย่างโหยหา
แลกรสสัมผัสทางปากกันอยู่ครู่ ก่อนที่คนอายุมากกว่าจะค่อยๆผละออกอย่างอ้อยอิ่ง ใบหน้าคมได้รูปจ้องมองไปยังใบหน้าซูบผอมของคนตัวเล็กที่ตนไม่ได้จ้องมองใกล้ๆแบบนี้มาเป็นเวลาสามเดือนเต็มๆ ซึ่งนั่นมันมากนัก สำหรับคนที่เคยนอนกกกันแทบจะทุกคืนอย่างเขากับแบคฮยอน
“คุณดูโทรมลงไปมาก”
“เพราะคิดถึงชานยอล”
"แต่กลิ่นบล็องช์เหมือนเดิม"
"เพราะชานยองชอบกลิ่นนี้"
“วันนี้คุณไปที่ไหนมา? หื้ม?” ชายหนุ่มไม่แม้แต่จะฟังคำหวานนั่นที่เอาแต่ออดอ้อนไม่หยุดราวกับเด็กแก่แดด
เขาไม่ชอบใจนักที่แบคฮยอนทำตัวแบบนี้ตอนที่เขาไม่อยู่ใกล้ตัว อย่างเช่นการเอาตัวเองไปเสี่ยงในสถานที่ชั้นต่ำอย่างพวกเซ็กส์คลับที่มีซ่องค้าประเวณีซ่อนอยู่ชั้นใต้ดินแบบนั้น หรือการฉีดน้ำหอมกลิ่นที่เขาชอบ เดินผ่านผู้ชายคนอื่นไปทั่วราวกับจะแจกจ่าย เสื้อเชิ้ตเดปเปอร์ตัวเก่งที่เขาเคยชมว่าใส่แล้วเซ็กซี่
อ่า..แบคฮยอนกำลังจะทำให้เขาคลั่งเพราะแรงหึงหวง
“คิดว่าไม่รู้หรือ? ว่าระหว่างที่ผมไม่อยู่คุณทำตัวประชดผมยังไงบ้าง?” และการกล่าวโทษเด็กดื้อแบบบยอนแบคฮยอน คือสิ่งที่เขามักจะทำเสมอยามที่เห็นภาพขัดใจ
“อุตส่าห์สะกดรอยตามไปถึงที่ขนาดนั้นแล้วจะถามทำไมอีก” แบคฮยอนช้อนตามองใครอีกคน ทั้งที่ริมฝีปากยังยิ้ม
“ผมโดนเด็กอายุสิบแปดจับได้ซะแล้วสิ”
“นายคงลืมไปว่าซิปโป้นั่นใครเป็นคนซื้อให้” แบคฮยอนหมายถึงไฟแช็คอันนั้นที่เขาเจอมันอยู่ที่ชานพักของบันไดหนีไฟ แน่นอนว่ามันเป็นซิปโป้อันเดียวกับที่เขาเคยซื้อให้ชานยอล
“ผมไม่ได้ลืม แต่เพราะคุณกำลังจะลงแดง แบคฮยอน” ชานยอลโน้มใบหน้าลงต่ำก่อนจะใช้ริมฝีปากร้อนขบเม้มใบหูเล็กอย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนจะเอ่ยกระซิบพร้อมๆกับพ่นลมหายใจรดใบหูนั่นเบาๆ “ผมรู้สึกเหมือนหัวใจจะวาย ถ้าต้องทนเห็นคุณเป็นอะไรไปต่อหน้าต่อตา..”
“แน่นอนครับคุณปาร์คชานยอล ว่าคุณจะต้องหัวใจวายเพราะผม” แบคฮยอนยิ้มยั่วยวนจูบแก้มใครอีกคนที่นอนจ้องหน้าตนอยู่ด้านข้าง ปลายลิ้นเล็กไล้วนเบาๆตามสันกรามได้รูปอย่างตั้งใจจะปลุกเร้าอารมณ์ ละเมียดละไมยิ่งกว่าการปาดเค้กทวิงกี้ส์เสียอีก “นายทนไม่ได้ ก็เลยโยนมันลงมาจากดาดฟ้างั้นสิ”
ชานยอลกระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะยกนิ้วหัวแม่มือขึ้นมาปาดคราบครีมออกจากริมฝีปากบางให้ ก่อนที่จะยกมันขึ้นมาเลียช้าๆด้วยปลายลิ้นอุ่น แบคฮยอนจ้องมองการกระทำนั้นพลางกัดริมฝีปากตัวเอง
ก่อนจะขยับปากกระซิบเสียงเบาทั้งที่ยังจ้องตาใครอีกคน “น่ารักจัง”
"ผมรู้..คุณน่ะรักผมจนใจจะขาดอยู่แล้ว คุณบยอนแบคฮยอน" ประโยคเอาคืนคนตัวเล็กถึงกับทำให้ทั้งคู่หลุดยิ้มออกมา ทั้งที่สายตาทั้งสองยังคงจ้องมองกันอย่างมีความหมาย
ไม่มีการโอนอ่อนให้คนที่อายุน้อยกว่าตน ไม่มีการออดอ้อนอย่างน่อมแหน่มจากคนที่อายุน้อยกว่า มีแต่การห่ำหั่นกันผ่านสายตาและวาจาศิลป์ที่เชือนกันไม่ลง
“นายสะกดรอยตามฉันมานานแค่ไหนแล้ว” และแบคฮยอนยังคงเป็นฝ่ายเปิดบทสทนาเสมอ
“นานจนรู้ว่าคุณแอบติดต่อกับคิมไค รับยาจากเขา และเข้าเซ็กส์คลับทุกวันเพื่อไปนั่งมองคนร่วมรักกันด้วยสีหน้าเย็นชา เหมือนที่คุณเคยใช้มองตอนที่ผมมีอะไรกับนักข่าวในห้องน้ำนั่น”
“ซึ่งนายก็มองฉันกลับ พร้อมกับซอยหอยแม่นั่นถี่ยิ๊บเหมือนกับว่าชาตินี้จะไม่ได้ฟันใครอีกแล้ว”
“หึงเหรอ หน้าแดงก่ำเชียว”
“ก็แค่พูดไปตามประสาคนเมา” แบคฮยอนยอมรับว่าหึง แต่ว่าเขาจะทำอะไรได้ในเมื่อตอนนั้นเขายังไม่รู้จักชานยอลด้วยซ้ำ จะเรียกได้ว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้เขาสองคนรู้จักกันก็ได้ แบคฮยอนก็แค่เด็กใจแตกที่ชอบเข้าผับทุกวันและบังเอิญไปล่วงรู้ความลับที่น่ารังเกียจของทายาลปาร์คชอลกรุ๊ป ว่าเขาเป็นเพลย์บอลเลือกฟันผู้หญิงไม่เลือกหน้า ซึ่งนั่นมันก็สามปีมาแล้ว
“โกหกไม่เก่งเหมือนเดิมนะแบคฮยอน โดยเฉพาะตอนที่คุณเมา สีหน้าของคุณมันฟ้องทุกอย่างนั่นล่ะ ซึ่งผมชอบมากที่คุณแบบนั้น”
“ถ้าชอบให้เมา แล้วจะห้ามทำไม”
“การประชดผมแบบนั้น ไม่ได้ทำให้คุณชนะหรือว่าโตขึ้น หรือบางที..คุณอาจจะชนะเพราะผมอดห่วงคุณไม่ได้ แต่เชื่อเถอะ...ว่าคุณคงไม่อยากเห็นผมโมโหหรอก ใช่ไหม?”
ชานยอลกำลังโยงเข้าประเด็นสำคัญ สาเหตุหลักที่เขากลับมาที่นี่ แน่นอนว่าคอนโดนี้มันไม่เมาะกับแบคฮยอน และเขาก็เคยสั่งห้ามคนตัวเล็กในเรื่องทางลบทั้งหลายว่าให้เลิกมันซะ ทว่าทุกครั้งที่ทะเลาะหรือว่าเจ้าตัวเกิดน้อยใจอะไรขั้นมา แบคฮยอนมักจะชอบหนีเขาออกมาอยู่ที่คอนโดเก่า พร้อมกับทำในทุกๆเรื่องๆ ที่เขาไม่ชอบ ซึ่งเขาเคยยืนกรานไปแล้วครั้งหนึ่งว่าจะลงโทษโดยการห่างกับแบคฮยอนสามเดือน ถ้าหากว่าเจ้าตัวทำแบบนั้น
และนี่ก็ครบกำหนดสามเดือนที่ว่านั่นแล้ว
“ถ้านายยังเห็นฉันเป็นเด็ก ก็ไม่ควรทิ้งฉันให้อยู่บ้านคนเดียวเป็นอาทิตย์”
“เด็กขี้เถียงเสียด้วยสิ” การเอาชนะเด็กเอาแต่ใจตัวเองอย่างแบคฮยอนมันไม่เคยง่ายสำหรับเขา ชานยอลขยับตัวขึ้นคร่อมคนตัวเล็กกว่า ก่อนจะค้ำแขนทั้งสองข้างเอาไว้ข้างๆศีรษะแบคฮยอน พลางโน้มใบหน้าหล่อเหลาลงมาจ้องมองใบหน้าซูบผอมด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ “เพื่อนของคุณรายงานผมหมดแล้ว แบคฮยอน...คุณเสพยาเกินขนาด”
“เคเคน่ะเหรอ?”
หมอนั่นเลือกที่จะหักหลังเขาเสมอเลยสินะ!
แบคฮยอนพ่นลมหายใจหนักขณะที่ใครอีกคนโน้มใบหน้าลงมาสูดดมน้ำหอมกลิ่นบล็องช์อ่อนๆที่ยังคงติดอยู่บนซอกคอขาวๆ ถึงแม้ว่ามันจะผสานไปด้วยกลิ่นของแอลกอฮอล์ ทว่ามันกลับหอมหวานเสียจนชานยอลอดไม่ได้ที่จะขบเม้มริมฝีปากลงไปเบาๆจนคนตัวเล็กถึงกลับส่งเสียงคราง
“อ๊ะ!”
“คุณอยากเห็นผมโมโหหรือเปล่า หื้ม?” เสียงทุ้มต่ำกระซิบที่ข้างหู ลมหายใจร้อนๆที่รวยรินกำลังทำให้เส้นขนอ่อนบนลำคอระหงษ์ลุกชัน “ถ้าไม่อยาก...ก็อย่าติดต่อกับเพื่อนของคุณอีก”
“แย่หน่อยที่พรุ่งนี้ฉันมีนัดรับของกับไคที่เซ็กส์คลับ เราสองคนว่าจะไปต่อกันอีกซักหน่อย ที่ชั้นใต้ดิน”
“งั้นหรือครับ?”
“ใช่..นายคงโมโหหนักมากแน่ๆเลย ถ้ารู้ว่าเราจะไปทำอะไรกันบ้างหลังจากที่รับของกันเสร็จแล้ว...ที่ชั้นใต้ดินน่ะ..ชานยอล” คนตัวเล็กกระซิบชื่อใครอีกคนเบาๆ
“ความโมโหของผมมันหนักหน่วงและดุมากจนคุณต้องร้องขอชีวิต แบคฮยอน..ถ้าคุณไปที่นั่น ผมไม่จะโมโหใส่คุณแบบไม่ยั้งมือเลยคอยดู”
“แบคฮยอนกลัวจังเลยครับ..”
“เด็กแบบคุณมันต้องเจอของจริงเข้าสักครั้ง แบคฮยอน..”
..แล้วชานยอลก็กลับไป
ทิ้งให้เขานอนจัดการกับความรู้สึกค้างคาของตัวเองจนเสร็จคามือ
ไม่อยากจะยอมรับว่าตอนนี้แบคฮยอนชักจะเริ่มโมโหชานยอลขึ้นมาจริงๆซะแล้ว สามเดือนเต็มที่ทิ้งเขาไว้และยืนมองเขาอัดสารมอมเมาเข้าร่าง ไม่แม้แต่จะปรากฏตัวออกมาห้ามเขาเลยสักครั้ง ถ้าจะมีใครที่ใจแข็งยิ่งกว่าหิน คนๆนั้นคือชานยอลอย่างไม่ต้องสงสัย
และแน่นอนว่าสิ่งที่ชานยอลทำทั้งหมดไม่ต่างอะไรกับการแกล้งดึงหางแม่แมวที่กำลังมีครรภ์อ่อนๆ แกล้งแหย่ให้หงุดหงิดแล้วตบหน้าด้วยการหายตัวไป ปล่อยให้เขาขู่ฟอดๆตะปปหมอนพลางทึงหัวตัวเองระบายอารมณ์อย่างทำอะไรไม่ได้
การที่ชานยอลมาหาเขาในวันนี้มันทำให้เขาถึงกลับสร่างเมา และยิ่งตาสว่างเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นรอยยิ้มอบอุ่นที่แฝงไปด้วยความร้ายกาจนั่นที่มอบให้เขา ก่อนจะเดินออกไปจากห้องโดยไม่สนใจจะหิ้วเขากลับบ้านไปด้วย หรือเอ่ยปากชักชวนให้เขากลับบ้านของเราด้วยกันเลยสักคำ
ความจริงแล้ววันนี้ชานยอลจะต้องมารับเขากลับบ้านไม่ใช่เหรอ?! ในเมื่อมันครบกำหนดสามเดือนที่ว่านั่นแล้วหนิ!
ทว่าสิ่งที่แบคฮยอนอยากได้ยินกลับไม่ได้ยิน มีแค่ประโยคท้าทายที่หลุดมาพร้อมๆกับแววตาวาววับนั่น เหมือนแกล้งจะยั่วให้แบคฮยอนโมโหจนต้องลองของในที่สุด
ก็อยากจะรู้นักว่าชานยอลในโหมดโมโหจะดุสักแค่ไหน
ถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่แบคฮยอนเลือกที่จะหนีออกมาจากบ้านแล้วกลับไปเล่นสิ่งเสพติดเพื่อประชดใครอีกคนแบบนี้ กลับกัน เขาน่ะทำบ่อยเสียจนชานยอลต้องสร้างกฏสามเดือนที่ว่านั่นขึ้นมา และแน่นอนว่าเขาลองของ นี่เป็นสามเดือนแรกที่เขาได้สิทธิ์นั้นและก็เป็นสามเดือนเดียวที่รู้สึกหนักหนาแสนสาหัส
ความคิดถึงใครอีกคนมันมีมากจนทรมาน ทว่าเพราะความอีโก้จัดของเด็กอายุสิบแปดที่อยากจะเอาชนะคนรักของตัวเอง ด้วยการประชดประชันในวิธีที่ผิดแบบนี้ มันยากนักที่จะทำให้แบคฮยอนยอมศิโรราบ แล้วเดินกลับไปด้วยสีหน้าละห้อยเหมือนลูกหมาที่หนีออกจากบ้าน แต่สุดท้ายก็อดอยากจนต้องกลับไปหาเจ้าของในที่สุด
แบคฮยอนไม่มีทางให้ใครอีกคนได้ใจอีกเหมือนครั้งที่ผ่านๆมาแน่
ร่างเล็กเดินทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา ก่อนจะจุดไฟแช็คลงบนปลายกระบอกแก้วเพื่อรนน้ำใสๆข้างในให้ร้อนระอุ ริมฝีปากบางอมปากกระบอกก่อนจะสูดอดควันสีขาวเข้าไปเต็มปอดจนเผลอไอสำลักซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ในใจก็เอาแต่คิดโทษไอ้ทฤษฏีบ้าๆของไอ้เคเคที่ว่า 'stay high park chanyeol'
'ทำตัวให้เมาเข้าไว้ซี่ จะได้ลืมง่ายๆหน่อย'
ซึ่งถ้าไม่ใช่เพราะคำให้ท้ายของเจ้าหมอนั่น เขาคงไม่กลับมาติดยาเป็นบ้าเป็นหลังแบบนี้หรอก และชานยอลเองก็เหมือนกัน สะกดรอยตามเขาไปทุกที่แท้ๆ ทว่ากับปล่อยให้เขาทำเรื่องพวกนั้นจนเลยเถิดมาจนถึงตอนนี้
มีสิทธิ์อะไรมาโยนไฟแช็คโง่ๆนี่ให้เขากันล่ะ
คนใจหินแบบนั้นมีสิทธิ์ทำแบบนั้นได้เสียที่ไหน
“หึ....”
มองดูเปลวไฟจากไฟแช็คซิปโป้ที่ว่านั่นเล่นอย่างไม่มีอะไรจะทำ ควันยาลอยคลุ้งไปทั่วจนแบคฮยอนเริ่มที่จะเงยหน้าขึ้นมองควันพวกนั้นพลางยิ้มขำ
ทันทีที่พวกมันเริ่มก่อตัวกันเป็นภาพลูกหมาตัวน้อยๆที่กำลังโดนเจ้านายโมโหใส่อย่างหนักหน่วง แต่มันน่าตลกตรงที่ว่าเจ้าหมาดูท่าจะชอบเพราะมันเอาแต่แอ่นก้นให้เจ้านายตีมันจนหนำใจ ซึ่งลูกหมาที่ว่านั่นมันคือหน้าเขาเอง..ส่วนเจ้านายน่ะเหรอ?
หึ..
“อยากโดนชานยอลโมโหใส่จัง แหะ^^”
-80%-
-ที่เหลือก็รอพี่เขามาจัดการเด็กดื้อ-